การจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญา

   เมื่อคุณครูต้องสอนนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญา ใช้คำว่าต้องสอนเพราะโรงเรียนรับนักเรียนพิการเรียนร่วมซึ่งคุณครูไม่รู้ว่าจะได้นักเรียนประเภทไหน ดังนั้นสิ่งที่คุณครูต้องทำคือเตรียมตัวให้พร้อม สิ่งที่คุณครูต้องทำคือ

   1. ทำใจ  ทำใจก่อนบางคนรับไม่ได้ ให้ใช้คำว่าบกพร่องทางสติปัญญาแทนคำว่าปัญญาอ่อนเพราะหากใช้คำนี้บางทีคุยกับผู้ปกครองไม่รู้เรื่อง อาจจะทะเลาะกับผู้ปกครองก่อนจะได้เริ่มการเรียนการสอน

   2. ศึกษาลักษณะเฉพาะของนักเรียนแต่ละคน เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมไม่เหมือนกัน ได้รับการพัฒนาไม่เหมือนกัน บางคนพ่อแม่เอาใจใส่ช่วยเหลือฝึกพัฒนาการลูกก็จะทำให้ครูมีภาระไม่หนักมาก บางคนไม่เคยรับรู้เลยว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ ไม่เคยช่วยเหลืออะไร คุณครูก็จะหนักหน่อย

   3. ศึกษาหาความรู้ คุณครูที่อยู่ในโรงเรียนแบบเราๆท่านๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้จบการศึกษาพิเศษ  จึงเป็นภาระหนักที่จะต้องมารับผิดชอบนักเรียนกลุ่มนี้ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือศึกษาหาความรู้ทุกวิถีทาง เช่น ฝึกอบรม อ่านหนังสือ พูดคุยซักถาม ศึกษางานวิจัย ศึกษาจากอินเตอร์เนต ฯลฯ 

   4. คิดนวัตกรรม เพื่อพัฒนานักเรียนให้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อนักเรียนมีพัฒนาการดีขึ้นกว่าเดิมผู้ปกครองก็จะรู้ และยกย่องเราเป็นฮีโร่..( จริง จริง )

หลักการจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญาในระดับเรียนได้

   นักเรียนบกพร่องทางสติปัญญาที่อยู่ในระดับเรียนได้คือขั้นปานกลาง ( Trainable ) และ ขั้นเล็กน้อย ( Educable )

   เนื่องจากนักเรียนบกพร่องทางสติปัญญามีความสามารถทางการเรียนรู้ต่ำ แต่ถ้าได้รับการฝึกอบรมที่ถูกต้อง เพื่อใช้ความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่ก็สามารถช่วยตนเองได้ตามสมควร อาจช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวและสังคมได้ ดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและไม่แตกต่าง

 * จุดมุ่งหมายการสอน

   1. ช่วยตนเองได้

   2. รักษาสุขภาพอนามัย

   3. เล่นและอยู่รวมกับผู้อื่นได้

   4. อ่าน เขียน คิดเลขเบื้องต้นได้

   5. ทำงานให้เป็นประโยชน์ได้ ใช้เวลาว่างได้

   6. ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้และไม่มีความรู้สึกแตกต่าง

** วิธีการสอน

   1. สอนเป็นรายบุคคล

   2. สอนตามความสามารถ

   3. สอนตามลำดับก่อน หลัง

   4. ยึดหลัก 3  ประการ 1. สอนซ้ำ 2. สอนสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน  3. สอนให้สนุกและหยุดพักช่วงสั้นๆ

   5. สอนไปแล้วทบทวนความรู้เดิม

   6.  ต้องมีการประเมิณผล เพื่อดูพัฒนาการ

   7.เมื่อเด็กทำอะไรได้ต้องให้รางวัล

   8. มีการจูงใจ

   9. ใช้เวลาทำกิจกรรมไม่มาก 15 - 20 นาที

 ( ข้อมูล *และ** คัดลอกมาจากอินเตอร์เน็ต )