ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


Advertisement

ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

การเเข่งขันทางอุดมการณ์ในโลกมุสลิม


เรื่องราวจากสมาชิก

8,123

views
Advertisement

การเเข่งขันทางอุดมการณ์ในโลกมุสลิม

 

การเเข่งขันทางอุดมการณ์ในโลกมุสลิม * 

                     ขอบเขตของความรุนเเรงเเละความโกรธเเค้นอันเนื่องมาจากการที่สื่อมวลชนตะวันตกได้พิมพ์การ์ตูนล้อเลียนพระศาสดาของศาสนาอิสลามได้ขยายวงกว้างจนถึงขนาดว่าหลายประเทศตะวันตกเริ่มวิตกกังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวต่อความสัมพันธ์ทางการทูตเเละการค้าที่ตนมีในโลกมุสลิม     อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์เดี่ยวที่เพิ่งเกิดขึ้น เเต่ทว่าเป็นการทำซ้ำ ทำซ้อน ซึ่งในที่สุดนักการศาสนาอิสลามได้ตกลงใจนำเรื่องนี้เข้าสู่สภานักการศาสนาอิสลามในหลายสิบประเทศมุสลิม โดยเฉพาะที่รัฐซาอุดิอาระเบีย

                      อย่างไรก็ตาม  การประชุมสุดยอดของกลุ่มโอไอซี (Organization of Islamic Conference) ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐซาอุดิอาระเบียได้เป็นเจ้าภาพนั้นได้ส่งสัญญาณที่สำคัญคือ  โลกอาหรับที่อ้างว่าเป็นพวกสายกลางได้ประกาศต่อต้านการก่อการร้าย     นอกจากนั้น รัฐซาอุดิอาระเบียพร้อม

ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำของกลุ่มประเทศมุสลิมสายกลางที่สนับสนุนสันติภาพเเละการเเก้ไขปัญหา

ด้วยสันติวิธี    ในรูปหมู่ประวัติศาสตร์ ซึ่งบรรดาผู้นำของรัฐมุสลิมได้ยืนถ่ายร่วมกันนั้น  บุคคลสำคัญ

ที่ยืนอยู่ข้างกษัตริย์ซาอุดิอาระเบีย คือ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เเละสุลต่านเเห่งรัฐบรูไน ซึ่งให้นัยที่น่าสนใจยิ่ง

                     ดังนั้น  ผู้เขียนจึงถือโอกาสนี้  ขอเล่าภูมิหลังหรือพัฒนาการของการเเข่งขันทางอุดมการณ์รวมถึงกระเเสความคิดที่สำคัญในโลกอาหรับ ซึ่งถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดทิศทางการเมืองในโลกมุสลิม 

                    

การปรากฏตัวขึ้นของการรู้จักตัวตนของตนเอง                      

                     ในด้านการเมือง  คำว่าอาหรับเเทบไม่มีความหมายอะไรมากนักก่อนศตวรรษที่ 20 เนื่องจากดินเเดนส่วนใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ถูกครอบงำโดยจักรวรรดิออตโตมันเเละจักรวรรดิกาจาร์     อย่างไรก็ตาม  ดินเเดนอาหรับต่อมากลับได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญในการตัดทอนกำลังเเละอำนาจของจักรวรรดิออตโตมันที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลโดยมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่นครอิสตันบูล (Istanbul)   

                     เนื่องจากตุรกีได้เข้าร่วมกับเยอรมนีในการขยายเเสนยานุภาพในต้นศตวรรษที่ 20     

ดังนั้น การสิ้นสุดลงของสงครามโลกครั้งที่ 1 จึงได้ส่งผลให้จักรวรรดิออตโตมันซึ่งมีอายุถึงสี่ศตวรรษต้องสิ้นสุดลงในเวลาต่อมา (ปี ค.ศ. 1918)     

                      ดินเเดนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ซึ่งเคยเป็นประเทศราชของจักรวรรดิออตโตมันได้ถูกเเบ่ง

ออกเป็นสามส่วน  โดยสองส่วนเเรก คือ อิรัก เเละปาเสลไตน์ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ    อีกส่วนคือ ซีเรียได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส

                     น่าสังเกตว่า ความรุนเเรงของสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้ทำให้อังกฤษเเละฝรั่งเศสบอบช้ำจนขนาดที่สหรัฐอเมริกาต้องเข้าช่วยในการรบกับเยอรมนีในช่วงสงคราม   อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาได้เริ่มถอนตัวออกจากเวทีการเมืองโลกทันทีที่สงครามโลกสิ้นสุดลง    ภาวะเช่นนี้ส่งผลให้อังกฤษเเละฝรั่งเศสยังคงดำรงตนเป็นศูนย์กลางของเวทีการเมืองเเละการทูตของโลก ซึ่งได้เปิดโอกาสให้อังกฤษเเละฝรั่งเศสสามารถกลับเข้ามาเเทรกเเซงหรือเเม้กระทั่งครอบงำดินเเดนที่เคยเป็นประเทศราชของ

ออตโตมัน       

                      ในขณะที่อังกฤษเเละฝรั่งเศสพยายามกลับเข้ามามีบทบาทในโลกอาหรับ  ประชาชนพื้นเมืองในดินเเดนอาหรับได้เริ่มตระหนักมากขึ้นในเรื่องของเผ่าพันธุ์ที่เเท้จริงของตนในลักษณะการเมือง     ดังเห็นว่าได้มีขบวนการชาตินิยมอาหรับลุกขึ้นปลุกกระเเสการรวมชาติอย่างสำเร็จเป็นจำนวนมาก เช่นในกรณีของอียิปต์ในปี ค.ศ. 1922   ซาอุดิอาระเบียในปี ค.ศ. 1932 เเละอิรักในปี ค.ศ. 1932    ชาวอาหรับพวกนี้เริ่มรู้สึกถึงความเป็นเผ่าพันธุ์ของตนเองโดยผ่านการฟื้นฟูระบบขนบธรรมเนียม ภาษาเเละสัญลักษณ์อาหรับ  หลังจากที่ได้ถูกครอบงำโดยออตโตมันเเละถูกเเทรก

เเซงจากตะวันตกมาเป็นเวลานาน    ความรู้สึกเป็นชาติจึงได้เกิดขึ้นมาในเวลานี้เเละกระบวนการสร้างชาติจึงได้เกิดขึ้นจากซากเดิมที่จักรวรรดิออตโตมันได้ทิ้งไว้  

                      ตุรกีเป็นประเทศเเรกในโลกอาหรับที่ก้าวเข้าสู่กระเเสเเห่งความเป็นสาธารณรัฐ  ดังเห็นว่าประธานาธิบดีเคมัล อัตตาเติร์ก (Kemal  Attaturk) เเห่งตุรกีได้เป็นผู้นำที่มีความคิดก้าวหน้าเเละมองการณ์ไกลจึงได้ตัดสินใจยกเลิกระบบกาลิบในประเทศตุรกี ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายศูนย์เเห่งอำนาจทางศาสนาที่เคยรักษากฎระเบียบเเละการตีความความเชื่อของศาสนาอิสลามที่มีอายุยาวนานกว่าพันปี    เคมัลมีความต้องการที่จะเชิดชูระบบสาธารณรัฐที่สามารถโอบอุ้มคนหลายเผ่าพันธุ์ไว้ด้วยกันเพื่อผลักดันสาธารณรัฐตุรกีที่อายุน้อยมากออกจากอิทธิพลของโลกศาสนาไปสู่โลกในเเบบวิถีประชา   หรืออีกนัยหนึ่ง  ตุรกีพยายามสร้างเอกลักษณ์ใหม่ที่เน้นความเป็นเติร์กมากกว่าความเป็นอิสลาม  เเม้ว่าในความเป็นจริง ตุรกีมีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเป็นมุสลิม    ในขณะที่  อียิปต์กลับมองเห็นตนเองในความเป็นอาหรับทั้งในด้านเชื้อชาติเเละภาษาจึงเริ่มสร้างชาติรอบๆ สิ่งเหล่านี้     อียิปต์ อิรัก เเละซีเรียจึงเป็นอีกตัวอย่างที่ประชาชนรู้สึกถึงความเป็นชาติที่พูดภาษาอาหรับ   

                      การรุกฮือในกรุงไคโรเเละในเมืองต่างๆในอียิปต์ในที่สุดได้นำไปสู่การได้รับเอกราชสมบูรณ์จากอังกฤษในปี 1936  เเละกรุงไคโรได้พยายามรักษาตำเเหน่งของตนเองในฐานะศูนย์กลางเเห่งการเรียนรู้ศาสนาอิสลามของโลกอาหรับ

                      ในขณะที่ชาติอาหรับอื่นๆ กำลังสร้างชาติ   เเต่ในอีกด้านหนึ่งของโลกมุสลิมในเอเชียใต้

เเนวคิดฟื้นฟูความคิดเกี่ยวกับเเก่นเเท้ของศาสนาอิสลามได้ปรากฏตัวขึ้น     ดังเห็นในการเกิดขึ้นมาของขบวนการของสำนักคิดตาบลิกี (Tablighi  Jamaat) ในทศวรรษที่ 40 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะปลุกชาวมุสลิมในอินเดียให้ตื่นจากความลุ่มหลงในการบูชาหลุมศพหรือบรรพบุรุษ เเละกระตุ้นให้ชาวมุสลิมในอินเดียรู้จักการเเสวงหาสัจธรรมที่เเท้จริงในเเบบอย่างประชาคมมุสลิมที่ดี ซึ่งต่อมาเเนวความคิดนี้ได้เเพร่เข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ปากีสถานในทศวรรษที่ 60   เเม้ว่าเเนวคิดนี้ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง เเต่ทว่าเเนวความคิดนี้ไม่ได้มีนัยทางการเมืองเท่าใดนัก  

                       สงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ.1938-1945) ได้ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจโลกเเละได้ส่งสัญญาณว่าอังกฤษเเละฝรั่งเศสได้ลดบทบาทลงในเชิงอำนาจทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การรุกฮือของประชาชนที่อยู่ใต้ปกครองในอาณานิคมภายใต้พลังชาตินิยม  ในที่สุด รัฐบาลอังกฤษเเละฝรั่งเศสจึงต้องตัดสินใจให้เอกราชอย่างสมบูรณ์เเก่ดินเเดนต่างๆ  เช่น  ซีเรีย (1946)  เลบานอน (1946)  ลิเบีย (1951) มาเลเซีย (1957) เป็นต้น

                      อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐอิสราเอลในปี ค.ศ. 1948  (คือหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองได้สิ้นสุดลงไม่นานนัก) โดยการสนับสนุนของอังกฤษเเละสหรัฐอเมริกาได้สร้างความไม่พอใจให้เเก่อาหรับ     ยิ่งกว่านั้น เหตุการณ์การยึดนครเยรูซาเลมของกองทัพอิสราเอลได้สำเร็จในเวลาต่อมาได้กลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้เกิดความตึงเครียดเเละความขัดเเย้งอย่างรุนเเรง เนื่องจากนครเยรูซาเลมเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัล อัก ซอร์   

                     การที่นครเยรูซาเลมต้องถูกพวกทหารยิวยึดครองได้มีผลทางจิตวิทยาเเก่ชาวอาหรับเป็นอย่างมาก เเละได้กลายเป็นต้นกำเนิดของเเรงบันดานใจให้กับกลุ่มนักคิดมุสลิมทั่วไป   องค์การโอไอซีได้เกิดขึ้นมาในบริบทนี้เช่นกัน     เเต่น่าสังเกตว่าสำหรับนักคิดที่หัวรุนเเรงที่เกิดขึ้นในยุคต่อมากลับได้ใช้เหตุการณ์นี้เป็นเหตุผลในการต่อสู้เเบบจิฮัด    ดังเห็นว่า กระเเสของอิสลามได้เคลื่อนตัวไปสู่ทิศทางความคิดในเรื่องการต่อสู้ (Jihad) ซึ่งเน้นมิติทางการทหาร (จิฮัดที่เน้นมิติทางศีลธรรมยังคงเป็นกระเเสหลักที่มีอยู่ทั่วไปในชุมชนมุสลิมทั่วโลก)   ในขณะเดียวกัน  การรักษากฎหมายเเละระเบียบทางศาสนาอิสลาม (Sharia) ได้ถูกนำมาใช้อย่างเข้มข้นโดยกลุ่มนี้      กระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นในบริบททางสังคมเเละวัฒนธรรมที่โลกอาหรับเริ่มเห็นว่าดินเเดนของตนเองได้

ถูกรุกรานจากชนชาติยิวโดยมีชาติตะวันตกให้การสนับสนุน  

                     ในตอนนี้  กระเเสชาตินิยมอาหรับได้ลดบทบาทลง เเต่กระเเสความคิดอิสลามทางการเมือง (Islamism) กลับเพิ่มบทบาทมากขึ้นเเละมีนัยทางการต่อสู้ทางการเมืองที่เน้นลักษณะเชิงรุกมากขึ้นเพื่อที่จะบรรลุผลที่ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อโลกอาหรับได้ย่างก้าวเข้าสู่ยุคทศวรรษที่ 50 เเละ 60  กระเเสเเนวคิดที่เกิดขึ้นใหม่ที่มาเเรงในโลกมุสลิมจึงเกิดขึ้นมาจากการตีความศาสนาอิสลามของนักคิดมุสลิม อย่างเช่น กัตบ์ (Qutb) เเห่งอียิปต์  โมดูดี(Maududi) เเห่งปากีสถาน เเละโคไมนี (Komeini) เเห่งอิหร่าน    นักคิดกลุ่มนี้ได้ประสบความสำเร็จในการเผยเเพร่ความคิดในบ้านตนเองเเละมีความปรารถนาอย่างเเรงกล้าที่จะเเพร่ความคิดของตนไปสู่สังคมมุสลิมอื่นๆ     น่าสังเกตว่านักคิดกลุ่มนี้ไม่เพียงเเต่เรียกร้องให้นำกฎปฎิบัติทางศาสนาอิสลาม (Sharia) มาใช้อย่างเคร่งครัด เเต่ยังได้พัฒนากระเเสความคิดอิสลามไปไกลถึงการสร้างประชาคม หรือโลกมุสลิมโดยมีพื้นฐานจากบรรดารัฐมุสลิม (Umma) โดยหวังว่าโลกมุสลิมสักวันหนึ่งจะรวมตัวกันจนมีลักษณะเป็นสากลจักรวาล  

                    นักคิดกลุ่มนี้พัฒนาเเนวคิดไปไกลในทิศทางที่เน้นว่าโลกใบนี้ควรเปลี่ยนเป็นอิสลาม (Islamization) เเละได้ลงมือทดลองความคิดอิสลามในเเบบของตนจริงกับชุมชนมุสลิมในระดับต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ของโลกมุสลิม    อย่างไรก็ตาม  เเม้ว่าเเนวคิดของนักคิดอิสลามกลุ่มนี้ได้รับการตอบรับในหลายชุมชน เเต่มักจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มเยาวชนในรั่วมหาวิทยาลัยที่เกิดมาหลังยุคได้รับเอกราชเอกราช หรือกลุ่มประชาชนที่มีฐานะยากจนเท่านั้น   

                     กระเเสเเนวคิดอิสลามในหลายเเห่งในยุค 60 เเละ 70 เป็นต้นมาจึงมีความเเตกต่างไปจากเเนวคิดอิสลามเเบบเดิม  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมเเละการเมืองในเเต่ละประเทศ หรือเเม้เเต่ในเเต่ละท้องถิ่น    อย่างไรก็ตาม  ในช่วงทศวรรษ 70 นี้ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญมากมายที่ส่งผลทางจิตวิทยาให้เเก่การก่อตัวของขบวนการอิสลามเเบบใหม่ โดยเฉพาะในอิหร่าน  มาเลเซีย  ปากีสถาน  อียิปต์ เป็นต้น

                     กระเเสเเนวคิดของนักคิดกลุ่มนี้ยังไม่สามารถรับการสนับสนุนจากประเทศส่วนใหญ่มากนัก เพราะผู้นำเผด็จการของหลายประเทศมุสลิมในขณะนั้นได้ใช้เเนวคิดสังคมนิยมในการบริหารประเทศจึงยังเเสดงท่าทีไม่สนับสนุนความคิดดังกล่าวอย่างเต็มที่ เเละในบางครั้งพยายามปราบปราม  ดังเช่นในกรณี  กัดดาฟี (Gaddafi) เเห่งลิเบีย   ประธานาธิบดีบูเมอดีน (Boumedienne) เเห่งอัลจีเรีย   ประธานาธิบดีนาเซอร์ (Nasser) เเห่งอียิปต์   พรรคนีโอเดสตู (Neo-Destour) เเห่งตูนิเซีย   พรรคสาธารณรัฐอาหรับเยเมน (Yemen Arab Republic) ในเยเมน    พรรคบาท์ (Ba-ath) หลังจากที่ได้ขึ้นสู่อำนาจในซีเรียในปี ค.ศ. 1963    น่าสังเกตว่า ในช่วงนี้  ผู้นำเผด็จการในอียิปต์เเละซีเรียยังได้เเสดง

ความปรารถนาที่จะเห็นประเทศอาหรับรวมตัวกันภายใต้ระบอบสังคมนิยม เเละพยายามตีความว่า

ลัทธิสังคมนิยมเป็นส่วนหนึ่งของเเนวคิดเเบบอิสลาม

                     จนกระทั้งในปี ค.ศ. 1967  เมื่อกองทัพอิสราเอลได้กรีฑาทัพเเละยึดนครเยรูซาเลมได้สำเร็จ  ซึ่งถือว่าเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่สงครามใหญ่ระหว่างรัฐอิสราเอลกับรัฐอาหรับในปี ค.ศ. 1973     เเนวคิดอิสลามสายใหม่จึงปรากฏขึ้นเเละเริ่มกลายเป็นพลังมวลชนขนาดใหญ่   ในขณะที่อุดมการณ์สังคมนิยมที่เคยเฟื่องฟูในรัฐบาลของหลายประเทศมุสลิมกลับเริ่มลดบทบาทลงอย่างรวดเร็ว

(หัวข้ออื่นๆ ภายในบทความ ประกอบด้วย :

...การขึ้นมาของอิทธิพลสหรัฐอเมริกาเเละสหภาพโซเวียตในโลกอาหรับ...              

 

...การระเบิดตัวของกระเเสความคิดอิสลามเชิงการเมืองเเนวใหม่...

 

...การเริ่มต้นของการเเข่งขันทางอุดมการณ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียเเละอิหร่าน...                       

 

...อิหร่านเจอศึกสองด้าน...                     

                     

...ชัยชนะของอัฟกานิสถาน... 

 

...สงครามจิฮัดจึงกลายเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

 

...จุดอ่อนของผู้นำอิรัก...

                                                 

...กระเเสต่อต้านสหรัฐอเมริกา

 

...บริบทสังคมที่นำไปสู่การกำเนิดขึ้นของอุดมการณ์เเห่งนักรบจิฮัด...

 

บทส่งท้าย :  โลกตะวันตกกับโลกมุสลิม

                    อันที่จริง ผู้นำอเมริกันเพิ่งเริ่มสนใจในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างจริงจัง เมื่อได้เกิดการ

ปฏิวัติในอิหร่าน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มของความกังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับการขึ้นมาของอิทธิพลทางอุดมการณ์ของอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบในด้านความรุนเเรงเเละยังสร้างภาวะความไม่เเน่นอนในการกำหนดนโยบายของผู้นำสหรัฐอเมริกา   เเต่ในขณะเดียวกัน  นักวิชาการอังกฤษเเละฝรั่งเศสได้รับรู้เเละสนใจเรื่องราวของโลกมุสลิมมาเป็นเวลานาน เนื่องจากตนเองเคยเป็นเจ้าอาณานิคม    หลายคนได้ผลิตงานเขียนมากมายเกี่ยวกับภูมิภาคเเห่งนี้    เเต่ทว่างานส่วนมากได้สื่อความเป็นตะวันออก (Orientalism) ที่มักสะท้อนความเหนือกว่าของอารยธรรมตะวันตกเเละพรรณนาดินเเดนตะวันออกกลางในลักษณะที่เเปลกประหลาด (exoticism)    ดังเช่น ศาสตราจารย์เอิร์นเนส   เกลเนอร์ (Ernest  Gellner) ปรมาจารย์ทางสาขามานุษยวิทยาเเละสังคมวิทยาเเห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้เขียนหนังสือเรื่อง “Nation and Nationalism”  ซึ่งเป็นหนังสือที่ทรงอิทธิพลในการอธิบายการปรากฏตัวขึ้นของปรากฏการณ์ความเป็นรัฐชาติ (nation-state) ในความหมายสมัยใหม่ ซึ่งเขาอ้างว่าอังกฤษเป็นชาติเเรกในโลกที่มีลักษณะความเป็นชาติอย่างเเท้จริงโดยผ่านระบบการศึกษาเเละกระบวนการปฏิวัติอุตสาหกรรม เเละหลายตอนในหนังสือนี้ได้เเสดงความเย้ยหยันเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของวัฒนธรรมเเละสังคมมุสลิมในหลายเเห่งของโลก โดยเฉพาะในดินเเดนอาหรับ  

                   นอกจากนั้น  ยังมีนักวิชาการตะวันตกจำนวนมากมักมองว่าพัฒนาการของสังคมเเละ

อารยธรรมของชาวมุสลิมล้วนมีลักษณะที่อาจเป็นภัยต่อโลก ซึ่งคำว่า โลกในที่นี้คงหมายถึงโลกตะวันตกเป็นสำคัญ   ดังปรากฏในงานเขียนทางวิชาการที่มีอิทธิพล ดังเช่น  The Clash of Civilizations โดย Samuel P. Huntington หรืองานเขียนเรื่อง The Rise and Fall of the Great Powers ของ Paul Kennedy  เป็นต้น

                     งานวิชาการหรืองานเขียนของสื่อมวลชนที่ปรากฏในโลกตะวันตกล้วนเป็นกระจกที่สะท้อนว่าคนในอีกฝากหนึ่งของโลกนั้นคิดอย่างไรจึงมีอิทธิพลอย่างมากในการเข้าใจความคิดที่อยู่

ในตัวอักษรอันเเสนธรรมดา    ภาพการ์ตูนจึงไม่ใช่เรื่องใหม่ เเต่เป็นการเผชิญหน้ากันอย่างเต็มที่ของกลุ่มคนที่รู้จักสันดานซึ่งกันเเละกันเป็นเวลายาวนาน

                     เเละในโอกาสหน้า  ผู้เขียนจะเล่าถึงกระเเสดาวะ (dawa) หรือการเผยเเพร่ศาสนาอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ เรามักประสบพบเจอการอ้างศาสนาอิสลามโดยกลุ่มที่นิยมความรุนเเรงอยู่เป็นประจำ      การกระทำของกลุ่มดังกล่าวนอกจากสร้าง

ความทุกข์ยากให้เเก่ผู้อื่นเเล้วยังทำลายภาพลักษณ์ของศาสนาอิสลามที่มุ่งสอนให้มนุษย์เข้าใจเเละซาบซึ้งในคุณค่าของการดำรงชีวิตเเบบเรียบง่าย   เเต่ทว่ามีความสุขโดยที่ตนไม่จำเป็นต้องเบียดเบียนคนที่ด้อยกว่า หรือห้ามคิดเเม้เเต่อิจฉาคนที่โชคดีกว่า

                     สำหรับท่านผู้ใดที่สนใจที่จะเเลกเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับโลกมุสลิมกับผู้เขียน 

ท่านสามารถส่งข้อความเพื่อเเสดงความคิดเห็นได้ที่ worldwidemuseum@yahoo.co.uk

-------------------------

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 8773 วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ชุดไทยจิตรลดา โทนสีดำ ตัดเย็บจากผ้าไหมแพรทิพย์ งานละเอียดปราณีต แพทเทิร์นเข้ารูป สวยหรู ทันสมัย #ภาพถ่ายจากสินค้าจริง

฿1,790

https://s.shopee.co.th/8ANnSpUT4P?share_channel_code=6


การเเข่งขันทางอุดมการณ์ในโลกมุสลิม การเเข่งขันทางอุดมการณ์ในโลกมุสลิม

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

ดูแล....แผลถอนฟัน

ดูแล....แผลถอนฟัน


เปิดอ่าน 8,118 ครั้ง
ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง

ภูมิศาสตร์กับผู้หญิง


เปิดอ่าน 8,126 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

อรุณสวัสดิ์ .?°?.° ღღღ

อรุณสวัสดิ์ .?°?.° ღღღ

เปิดอ่าน 8,112 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ความรักของเด็กสายวิทย์
ความรักของเด็กสายวิทย์
เปิดอ่าน 8,120 ☕ คลิกอ่านเลย

รักนี้ชั่วนิรันดร์_37 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
รักนี้ชั่วนิรันดร์_37 (แด่ความรักที่เป็นไปไม่ได้)
เปิดอ่าน 8,111 ☕ คลิกอ่านเลย

ผักติ้ว..ต้านมะเร็งตับ !!
ผักติ้ว..ต้านมะเร็งตับ !!
เปิดอ่าน 8,120 ☕ คลิกอ่านเลย

วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง
วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง
เปิดอ่าน 8,122 ☕ คลิกอ่านเลย

เครื่องพิมพ์บัตร พีวีซี การ์ด PCV card EDIsecure® DCP 340+
เครื่องพิมพ์บัตร พีวีซี การ์ด PCV card EDIsecure® DCP 340+
เปิดอ่าน 8,120 ☕ คลิกอ่านเลย

ภาพเก่าๆของไทย.....หาดูยาก (มากๆ)
ภาพเก่าๆของไทย.....หาดูยาก (มากๆ)
เปิดอ่าน 8,129 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เพลง "วันแม่"
เพลง "วันแม่"
เปิดอ่าน 71,957 ครั้ง

7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
7 เคล็ดลับ รักษาความจำยืนยาว
เปิดอ่าน 13,370 ครั้ง

ปฏิรูปการศึกษา ระบบการผลิตครู
ปฏิรูปการศึกษา ระบบการผลิตครู
เปิดอ่าน 15,327 ครั้ง

ธรรมคุณ 6
ธรรมคุณ 6
เปิดอ่าน 213,945 ครั้ง

ตำนาน ดอกกุหลาบ กับความหมายดี ๆ
ตำนาน ดอกกุหลาบ กับความหมายดี ๆ
เปิดอ่าน 44,342 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ