ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมเรื่องราวจากสมาชิก  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

..เรื่องของรถ..


เรื่องราวจากสมาชิก เปิดอ่าน : 7,543 ครั้ง
Advertisement

..เรื่องของรถ..

Advertisement

ความปลอดภัยเริ่มตั้งแต่ยังไม่สตาร์ท



ความปลอดภัยในการใช้รถยนต์ ไม่ได้ขึ้นกับเทคนิคการขับขี่เพียงอย่างเดียว
การเตรียมตัวก่อนขับรถอย่างถูกวิธี ก็มีส่วนช่วยเพิ่มความปลอดภัยตลอดการขับขี่

สำรวจก่อนเปิดประตู
ถ้ามีเวลา ควรเดินสำรวจรอบรถยนต์สักนิด ดูว่ามียางเส้นไหนแบนบ้างหรือไม่ มีสัตว์หรือคนซุ่มอยู่หรือเปล่า
และเดินอ้อมมาดูอีกข้างก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถยนต์ เป็นการเพิ่มความปลอดภัย
โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีระบบเซ็นทรัลล็อกแบบเปิดล็อกพร้อมกัน เพราะอาจมีมิจฉาชีพหมอบแอบอยู่
รอจังหวะเปิดประตูเข้าไปหลังจากเจ้าของรถเข้าไปนั่งในห้องโดยสารแล้วแต่ยังไม่ล็อก ก็คงโดนจี้ได้ง่าย ๆ
และไม่ควรเปิดเซ็นทรัลล็อกในขณะที่ยังอยู่ห่างรถยนต์มาก เพราะอาจโดนฉกฉวยทรัพย์สินภายในรถยนต์ได้

เมื่อขึ้นไปนั่งแล้ว ถ้าอยู่ในเมืองหรือมีผู้คนคับคั่ง ควรล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการเปิดประตูจากภายนอก
ส่วนการเดินทางไกลหรือขับบนเส้นทางยาว ไม่ควรล็อกประตู
เผื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว คนภายนอกจะได้เปิดประตูเข้ามาช่วยเหลือได้


ตรวจสอบไฟเตือน
บิดกุญแจค้างไว้ในตำแหน่งก่อนสตาร์ท เพื่อให้ไฟเตือนต่าง ๆ บนหน้าปัดสว่างขึ้นและดูตามสีของไฟ
ถ้าเป็นสีแดง แสดงว่าเป็นการเตือนในระบบที่สำคัญมาก ถ้าสีส้มก็สำคัญรองลงไป ยังพอขับแบบประคองไปได้
บางไฟเตือนบนหน้าปัดจะสว่างขึ้นเพื่อแสดงว่าหลอดไม่ขาด และต้องดับลงหลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว
บางดวงต้องดับลงหลังบิดกุญแจค้างไว้ 3-5 วินาทีถึงจะแสดงว่าปกติ

ไฟเตือนพื้นฐานของรถยนต์ทุกรุ่น ต้องมีอย่างน้อย 2 ดวง คือ
ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่องกับไฟเตือนการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่
ไฟเตือนแรงดันน้ำมันเครื่อง เป็นรูปกาน้ำมันเครื่องหรือหยดน้ำมัน ต้องสว่างขึ้นเมื่อไม่มีแรงดันน้ำมันเครื่อง
เช่น ขณะดับเครื่องยนต์ ปั๊มน้ำมันเครื่องพัง หรือน้ำมันเครื่องขาดมาก ๆ
และไฟเตือนต้องดับลงเมื่อมีแรงดันน้ำมันเครื่องตามปกติ
ดังนั้น ไฟเตือนนี้ ควรดับลงในเวลา 1-2 วินาทีหลังสตาร์ทเครื่องยนต์ ถ้าดับช้าก็พอเดาได้ว่า
น้ำมันเครื่องไม่ปกติหรือปั๊มเริ่มเสื่อม หากไฟเตือนนี้สว่างขึ้นขณะขับ ควรรีบจอดและดับเครื่องยนต์ทันที
เพราะแสดงว่าตอนนั้นไม่มีน้ำมันเครื่องในการหมุนเวียน อาจเกิดจากปั๊มพังหรือน้ำมันเครื่องรั่ว
ถ้าปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานอยู่จะสึกหรอเร็วมาก

ถ้าน้ำมันเครื่องขาด ก็เติมแล้วขับต่อ ถ้าไม่ขาดก็แสดงว่าปั๊มพัง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก
อย่างนั้นต้องลากไป ถ้าฝืนขับต่อเครื่องยนต์อาจเสียหายหนัก

ส่วนไฟเตือนการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ กลับเป็นรูปแบตเตอรี่ ไม่ใช่รูปไดชาร์จ ซึ่งทำให้หลายคนคิดว่า
เป็นไฟเตือนสำหรับแบตเตอรี่ ซึ่งผิด เพราะถ้าไฟสว่างขึ้นจะแสดงว่า ณ ขณะนั้น ไม่มีการชาร์จไฟ ซึ่งก็เดาได้ว่า
ไดชาร์จเสียหรือสายพานขาด ยังพอขับไปจอดในที่ปลอดภัยได้ในระยะทางไกลกว่ากรณีไฟเตือนน้ำมันเครื่องสว่าง

ถ้าดูแล้วสายพานไม่ขาด แต่ไดชาร์จไม่ทำงานและไฟเตือนยังสว่าง
ก็แสดงว่ายังขับต่อไปได้จนกว่าไฟในแบตเตอรี่หมด โดยเฉลี่ยแล้วเกิน 10 กิโลเมตร
โดยควรปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดเพื่อให้กินไฟน้อยและขับได้ไกลที่สุด

หากสายพานไดชาร์จขาด และสายพานเส้นนั้นไม่ได้คล้องกับปั๊มน้ำมันหรือพัดลม
ซึ่งเกี่ยวข้องกับการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ก็พอจะขับต่อได้
ส่วนไฟเตือนถุงลมนิรภัยและเอบีเอส ถ้าสว่างขึ้นหลังบิดกุญแจและดับลงภายในเวลา 3-5 วินาที แสดงว่าปกติ
ถ้าสว่างขึ้นขณะขับ แสดงว่ามีความผิดปกติ ยังพอขับได้ โดยถุงลมนิรภัยหรือเอบีเอสอาจไม่ทำงาน
ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และนำรถเข้าซ่อมโดยเร็วที่สุด



ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์
ถ้าในเกียร์ธรรมดา ต้องอยู่ในเกียร์ว่าง พร้อมกับเหยียบคลัตช์ให้มิด เพราะนอกจากจะป้องกันการกระตุกแล้ว
ยังช่วยผ่อนแรงไดสตาร์ท เนื่องจากการเหยียบคลัตช์ในการตัดการหมุนของเครื่องยนต์กับชุดเกียร์
แม้จะอยู่ในเกียร์ว่างก็ควรเหยียบคลัตช์ โดยพิสูจน์ได้จากรถยนต์บางรุ่น
ถ้าไม่เหยียบคลัตช์ถึงบิดกุญแจแล้วก็เงียบ และควรดึงเบรกมือไว้ด้วย

ส่วนรถยนต์เกียร์อัตโนมัติ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้เฉพาะเกียร์ P และN เท่านั้น
ถ้าอยู่ที่เกียร์อื่นแล้วสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ แสดงว่าผิดปกติ ต้องซ่อมโดยเร็ว
แม้เกียร์ P จะมีการล็อกป้องกันรถไหลแล้ว ก็ควรดึงเบรกมือไว้ด้วย

ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ควรปิดแอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด เพื่อให้ไดสตาร์ทได้รับไฟฟ้าอย่างเต็มที่

เครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์บางรุ่น อาจต้องย้ำคันเร่งจนสุด 1-2 ครั้งแล้วปล่อยก่อนสตาร์ท
เพื่อให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงลงไปในท่อร่วมไอดีให้หนาขึ้นเตรียมไว้เพื่อให้สตาร์ทได้ง่ายขึ้น
ส่วนเครื่องยนต์หัวฉีดไม่มีความจำเป็นต้องแตะคันเร่งเลย เพราะจะมีการเพิ่มน้ำมันเชื้อเพลิงโดยอัตโนมัติ


อุ่นเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน
เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์แล้ว อย่าเพิ่งออกตัวทันที ควรเดินเบาสักพักเพื่อให้เครื่องยนต์ปรับตัว
เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ ๆ มักมีการเร่งรอบเดินเบาให้สูงกว่าปกติในขณะเครื่องยนต์เย็น
โดยอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 รอบต่อนาที สัก 3-5 นาทีก็มีจะตัดมาที่รอบเดินเบาปกติ
ส่วนเครื่องยนต์รุ่นเก่า ๆ ที่ไม่มีการเร่งรอบเพื่ออุ่นเครื่องยนต์ ถ้าไม่ติดตั้งระบบการเร่งรอบเพิ่ม
ก็ให้แตะคันเร่งไว้นิ่ง ๆ ที่ไม่เกิน 1,500 รอบต่อนาที

การปล่อยให้เครื่องยนต์ปรับตัว มีความจำเป็นในเชิงโลหะวิทยาและการหล่อลื่น จากสมัยก่อนที่มีการแนะนำว่า
ต้องอุ่นเครื่องอยู่กับที่จนเครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานก่อนแล้วค่อยออกตัว แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แล้ว
เพราะมีการทดสอบแล้วว่า เครื่องยนต์ที่เดินเบาอยู่กับที่ ถึงจะมีการเร่งรอบอยู่บ้าง
แต่การที่ไม่มีภาระในการฉุดลากน้ำหนัก ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ปรับตัวได้ช้ามาก กลายเป็นว่ายิ่งรอยิ่งร้อนช้า

แต่การออกตัวทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ติดก็ผิดอีก เพราะเครื่องยนต์ยังไม่เริ่มปรับตัวเลย สึกหรอเร็วขึ้นแน่ ๆ

วิธีอุ่นเครื่องยนต์ที่ถูกต้อง คือ หลังสตาร์ทเครื่องแล้วให้รอสักครึ่งหนึ่ง ถึง 1 นาที
เพื่อให้น้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ไหลเวียนอย่างทั่วถึง โดยในช่วงแรกยังไม่ควรเปิดแอร์
เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์เป็นภาระกับเครื่องยนต์ ถ้าเครื่องยนต์ยังไม่พร้อมก็ไม่ควรเอาอะไรไปหน่วง

ถ้าทนร้อนไม่ไหว ก็รอให้เครื่องยนต์เดินเบาสัก 30 วินาที แล้วค่อยเปิดแอร์ก็ยังดี
หรือเปิดเฉพาะพัดลมโดยปิดปุ่ม เอ/ซี ไม่ให้คอมเพรสเซอร์ทำงาน
นอกจากการอุ่นเครื่องอยู่กับที่นาน ๆ จะผิดหลักการแล้ว ถ้าอยู่ในอาคารจอดรถยังถือว่าผิดกฎหมายด้วย


ออกเดินทางอย่างมั่นใจ
เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็ให้ขับออกตัวไปอย่างช้าๆ หรือช้ามากๆ แล้วค่อยๆเพิ่มการกดคันเร่งหรือไล่รอบสูงขึ้นทีละนิด
อย่างเพิ่งใจร้อน แค่ประมาณ 5 นาที เครื่องยนต์ก็ร้อนพร้อมใช้งานปกติแล้ว
เพราะการขับเคลื่อนเป็นการอุ่นเครื่องแบบมีภาระหรือโหลด เครื่องยนต์จึงร้อนเร็ว

การสตาร์ทเครื่องยนต์โดยไม่รอเลย แล้วขับออกไปพร้อมกับใช้รอบตามปกติ
ไม่ขับรอบต่ำหรือคลาน ๆ แม้เครื่องยนต์ไม่พังทันที แต่ในระยะยาวจะมีอายุการใช้งานสั้นลง

ที่มา มูลนิธิสว่างแสงธรรมกู้ภัย

โพสต์โดยสมาชิกหมายเลข 1756 วันที่ 2 พ.ค. 2552

พลาสติกปูโต๊ะ ผ้าปูโต๊ะกันน้ำ แบบใส

฿148 - ฿535

https://s.shopee.co.th/7V3F6KvQJG?share_channel_code=6


..เรื่องของรถ..

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

คลายเครียด( หลวงพ่อดี)

คลายเครียด( หลวงพ่อดี)


เปิดอ่าน 7,535 ครั้ง
,มุมโปรด......ฝนตกตลอดเวลา....

,มุมโปรด......ฝนตกตลอดเวลา....


เปิดอ่าน 7,560 ครั้ง
นั่งนาน

นั่งนาน


เปิดอ่าน 7,545 ครั้ง
พระสัทธรรมเลอะเลือน

พระสัทธรรมเลอะเลือน


เปิดอ่าน 7,557 ครั้ง
พรุ่งนี้อาจสายเกินไป

พรุ่งนี้อาจสายเกินไป


เปิดอ่าน 7,537 ครั้ง
ทรงผมวัยรุ่น อินเทรนด์

ทรงผมวัยรุ่น อินเทรนด์


เปิดอ่าน 7,550 ครั้ง

:: เรื่องปักหมุด ::

5 ซุปเปอร์ฟู้ดส์...ที่สาวๆ ขาดไม่ได้

5 ซุปเปอร์ฟู้ดส์...ที่สาวๆ ขาดไม่ได้

เปิดอ่าน 7,547 ☕ คลิกอ่านเลย

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
NASA_องค์การนาซ่าจะพาครูสุทธิพรไปดาวอังคาร...ได้ยังไง???
NASA_องค์การนาซ่าจะพาครูสุทธิพรไปดาวอังคาร...ได้ยังไง???
เปิดอ่าน 7,543 ☕ คลิกอ่านเลย

เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
เปิดอ่าน 7,538 ☕ คลิกอ่านเลย

ครม.เห็นชอบ
ครม.เห็นชอบ
เปิดอ่าน 7,545 ☕ คลิกอ่านเลย

ใบมะกรูดมหัศจรรย์.....กำจัดแมลงในข้าวสาร
ใบมะกรูดมหัศจรรย์.....กำจัดแมลงในข้าวสาร
เปิดอ่าน 7,550 ☕ คลิกอ่านเลย

กำจัดไวรัส MSN ด้วย AIMFix ?
กำจัดไวรัส MSN ด้วย AIMFix ?
เปิดอ่าน 7,552 ☕ คลิกอ่านเลย

ตรรกวิทยาแห่งการวิจัยทางสังคม (The Logic of Social Research)
ตรรกวิทยาแห่งการวิจัยทางสังคม (The Logic of Social Research)
เปิดอ่าน 7,941 ☕ คลิกอ่านเลย

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

รวมคลิปผาดโผนที่ Fail ประจำเดือน กันยายน 2555
รวมคลิปผาดโผนที่ Fail ประจำเดือน กันยายน 2555
เปิดอ่าน 12,489 ครั้ง

ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)
ปฏิรูปประเทศ การปฏิรูปด้านการศึกษา (มัธยมศึกษา)
เปิดอ่าน 16,702 ครั้ง

ตูนส์ศึกษา : กว่าจะถึงประถมศึกษาก็สายเสียแล้ว
ตูนส์ศึกษา : กว่าจะถึงประถมศึกษาก็สายเสียแล้ว
เปิดอ่าน 9,295 ครั้ง

ธงชาติไทยเอกลักษณ์ความเป็นชาติ
ธงชาติไทยเอกลักษณ์ความเป็นชาติ
เปิดอ่าน 46,409 ครั้ง

คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)
คู่มือการปฏิบัติงานของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษารักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัด สพฐ. (ฉบับปรับปรุงแก้ไข)
เปิดอ่าน 47,600 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ